หน่วยที่8 กฎหมายและจริยธรรมและการท าธรุ กรรมดิจิทัล
หน่วยที่8 กฎหมายและจริยธรรมและการทำธรุ กรรมดิจิทัล
1.พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. 2544
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์พ.ศ. 2544 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2545 นับเป็นกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศฉบับแรกที่ใช้บังคับกับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากการท าธุรกรรมทางอิเลก็ทรอนิกส์บางประเภทเช่นการทา สัญญากฎหมายก าหนดว่าตอ้ ง มีการลงลายมือชื่อคู่สัญญาจึงจะมีผลสมบูรณ์และใช้บังคับได้ตามกฎหมายกฎหมายทั้งสองส่วนจึงมี ความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด รับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการท าธุรกรรมหรือ สัญญา
ความเป็นมาของพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
1)
รับรองตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถระบุถึงตัวผู้ท
าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
2)
สามารถน่าเอกสารซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้แทนต้นฉบับหรือให้เป็น
พยานหลักฐานในศาลได้
3)
ส่งเสริมความเชื่อมั่นในการท
าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศ
โดยที่การท าธุรกรรมในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการในการติดต่อสื่อสารที่
อาศัยการพัฒนาเจตนารมณ์ในการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส ์
พ.ศ. 2544 เทคโนโลยี ทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
แต่เนื่องจากการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าวมีความแตกต่างจากวิธีการท
าธุรกรรมซึ่งมีกฎหมายรองรบั อยู่ในปจั จุบนั เป็นอย่างมากหรือหลักฐานเปน็
หนังสือการรับรองวิธีการส่งและรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์การใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการรับฟัง
พยานหลักฐานที่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นการส่งเสริมการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้น้
าเชื่อถือ และมีผลในทางกฎหมายเช่นเดียวกับการท
าธุรกรรมโดยวิธีการทั่วไปที่เคยปฏิบัติอยู่เดิมอันจะเป็นการส่งเสริม
ความเชื่อมั่นในการท
าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีการค้าระหว่าง
ประเทศ
2.พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนส าคัญของการประกอบกิจการและการด ารงชีวิตของมนุษย์หากมี ผู้กระท าด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถท างานตามค าสั่งที่ก าหนดไว้หรือท าให้การท างาน ผิดพลาดไปจากค าสั่งที่ก าหนดไว้หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูลแก้ไขหรือท าลายข้อมูลของบุคคลอื่นใน ระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบหรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จมีลักษณะอัน ลามกอนาจารย่อมท าให้เกิดความเสียหายกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงของรัฐการ กระท าดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และโดยที่พระราชบัญญัติฉบับนี้คือโดยที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มีบทบัญญัติบางประการทไี่ ม่เหมาะสมต่อการป้องกนั และปราบปรามการกระท าความผิดเกี่ยวกับรวมทงั้ ความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชนสมควรก าหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามในปัจจุบันซึ่ง มีรูปแบบการกระท าความผิดที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามพัฒนาการทางเทคโนโลยี
3.ค่านิยามที่ควรรู้
อาจสั่งเสียงประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติแพร่การติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
"ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
1.ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตหรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่นโดยผ่านทาง
ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเองหรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
2.ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น“
ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า
ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม“
พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่าผู้ซึ่ง
รัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
4. จริยธรรมในการทำธุรกรรมดิจิทัลจริยธรรม ในการทำธุรกรรมดิจิทัลเป็นหลักเกณฑ์ที่ประชาชนหรือคนส่วนใหญ่ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ตกลงร่วมกัน
หรือความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันโดยความคิดเห็นหรือข้อตกลงร่วมนี้ถูกใช้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ร่วมกันส าหรับตัวอย่างของการทยี่ อมรบั กันโดยทั่วไปว่าเป็นการผดิ จรยิ ธรรมเช่นการใช้คอมพิวเตอรท์
ารา้ ยผอู้ นื่ ให้เกิดความเสียหายหรือก่อความร
าคาญหรือการใช้คอมพิวเตอร์ในการขโมยข้อมูลหรือการเข้าถึงข้อมูลหรือ
คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เป็นต้นโดยทั่วไปเมื่อพิจารณา
ถึงจริยธรรมเกี่ยวกับการท าธุรกรรมดิจิทัลแล้วนิยมกล่าวถึงหลักพิจารณาใน 4
ประเด็นดังนี้
4.1 ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) หมายถึง
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั่วไปหมายถึงสิทธิที่จะอยู่ตามล
าพังและเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการ เปิดเผยให้กับผู้อื่นสิทธินี้ใช้ได้ครอบคลุมทั้งปัจเจกบุคคลกลุ่มบุคคลและองค์กรต่าง
ๆ ปัจจุบันมีประเด็น เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เป็นข้อน่าสังเกตดังนี้
4.1.1 การเข้าไปดูข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการบันทึกข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์รวมทงั้การบันทึกแลกเปลี่ยนข้อมูลที่บุคคลเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์และกลุ่มข่าวสาร
4.1.2 การใช้เทคโนโลยีในการติดตามเคลื่อนไหวหรือพฤติกรรมของบุคคลเช่น
บริษัท ใช้คอมพิวเตอร์ ความเป็นส่วนตัวซึ่งการกระท าเช่นนี้ถือเป็นการผิดจริยธรรม
4.1.3 การใช้ข้อมูลของลูกค้าจากแหลง่ ต่าง
ๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยายตลาดอื่น ๆ การละเมิดสทิ
ธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศจึงควรจะต้องระวังการให้ข้อมูลโดยเฉพาะการใช้
4.2 ความถูกต้อง (Information Accuracy) หมายถึง
ความถูกต้องของข้อมูลที่เกิดจากการใช้ คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวมจดั
เก็บและเรียกใช้ข้อมูลนั้นโดยความถูกต้องของข้อมูลจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถอื
ได้ของข้อมูลทั้งนี้ข้อมูลจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความถูกต้องในการบันทึกข้อมูลด้วย
4.3 ความเป็นเจ้าของ (Intellectual Property) หมายถึง
กรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินซึ่งอาจ
เป็นทรัพย์สินทั่วไปที่จับต้องได้เช่นคอมพิวเตอร์รถยนต์หรืออาจเป็นทรัพย์สินทางปัญญา
(ความคิด) ที่จับต้อง ไม่ได้เช่นบทเพลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์
แต่สามารถถ่ายทอดและบันทึกลงในสื่อต่าง ๆ ได้เช่นสิ่งพิมพ์ซีดีดีวีดี เป็นต้น
4.4 การเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility) หมายถึง
สิทธิในการเข้าใช้งานโปรแกรมหรือระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งมักจะมีการก
าหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งานทั้งนี้เพื่อเป็นการปอ้ งกันการเข้าไปด าเนินการตา่
ง ๆ กับข้อมูลของผู้ใช้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นการรักษาความลับของข้อมูลตัวอย่างสิทธิ์ในการใช้งานระบบ
เช่นการบันทึกการแก้ไขปรับปรุงและการลบเป็นต้น สภาพการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์และการท
าธุรกรรมดิจิทัลในปัจจุบนั มีความซับซ้อนมากขึ้นสืบเนื่องจาก
ความซับซ้อนของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารซึ่งส่งผลให้กรอบจริยธรรมที่เคยเป็นข้อตกลงร่วมหรือ
แนวคิดรวมของกลุ่มคนในสังคมที่ใช้เป็นหลักพิจารณาในการใช้เทคโนโลยีเริ่มไม่เพียงพอเพราะในบางครั้ง
เทคโนโลยีได้ถูกออกแบบมาให้ละเมิดกรอบจริยธรรมเหล่านี้โดยธรรมชาติเช่นการใช้เฟซบุ๊ก
(Facebook) โดย หลักการแล้วโปรแกรมประยุกต์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
ซึ่งเป็นหลักการที่ดี
แต่ในขณะเดียวกันโปรแกรมนี้ก็ส่งเสริมให้เกิดมีการละเมิดความเป็นส่วนตัวไปพร้อม ๆ
กัน หรือเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพน
าข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ไปใช้ในทางเสียหายเรียกปัญหาในลักษณะนี้ว่าเป็นปัญหา
การใช้เทคโนโลยีกับสังคมดังนั้นกรอบจริยธรรมหรือหลักยึดถือทางด้านจริยธรรมด้านคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอต่อการควบคุมกลมุ่
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั เนื่องจาก
กลไกการพัฒนาทางเทคโนโลยีมีทิศทางที่ละเมิดกรอบจริยธรรมที่เคยยึดถือปฏิบัติดังนั้นกฎหมายเทคโนโลยี
สารสนเทศ
5.จริยธรรมสำหรับผู้ใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
ผู้ที่ทำธุรกรรมดิจิทัลทุกคนมีเมลบ็อกซ์หรอื
อีเมลแอดเดรสที่ใช้อ้างอิงในการรับส่งจดหมายความรับผิดชอบ
ต่อการใช้งานอีเมลในระบบจงึ เป็นเรอื่ งทที่ ุกคนต้องให้ความส
าคัญเพราะจดหมายมีการรบั สง่ โดยระบบซึ่งหากมี จดหมายค้างในระบบจ านวนมากจะท
าให้พื้นที่บัฟเฟอร์ของจดหมายในระบบหมดจะเป็นผลให้ระบบไม่
สามารถรับส่งจดหมายต่อไปได้หลายต่อหลายครั้งระบบปฏิเสธการรับสง่
จดหมายเพราะไฟล์ระบบเต็มดังนั้นจงึ มีความรับผิดชอบในการดูแลผู้จดหมายของตนเองดังนี้
5.1 ตรวจสอบจดหมายทุกวันและจะต้อง จ ากัด จ
านวนไฟล์และข้อมูลในตู้จดหมายของตนให้เลือกภายใน โควตาที่ก าหนด
5.2 ลบข้อความหรือจดหมายที่ไม่ต้องการแล้วโดยเฉพาะจดหมายขยะออกจากดิสก์เพื่อลดปริมาณการใช้
ดิสก์ให้จ านวนจดหมายที่อยู่ในตู้จดหมายมีจ านวนน้อยที่สุด
6.จริยธรรมในการทำธุรกิจดิจิทัล
การทำธุรกิจดิจิทัลควรมีจริยธรรมดังนี้
6.1 ขายสินค้าและบริการในราคายุติธรรมและตรงตามคุณภาพที่ระบุไว้
6.2 ละเว้นการกลั่นแกล้งให้ร้ายข่มขู่หรือที่กันไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
6.3 ควรตรงไปตรงมาชัดเจนแน่วแน่น 6.4
ไม่ละเมิดสิทธิทางปัญญาของบุคลอื่น
6.5 ไม่ส่งสแปมเมลหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ขยะเพื่อสร้างความร
าคาญให้แก่ผู้รับ
6.6 ต้องไม่สอดแนมหรือแก้ไขดูแฟ้มของผู้อื่น
6.7 ไม่เปิดเผยหรือน
าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
6.8 ต้องท าการลงทะเบียนการค้าพาณิชย์และเสียภาษีร้านค้าให้ถูกต้อง
6.9 ต้องตรวจสอบสินค้าที่น
าเสนอว่าต้องเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายส่วนผสมในตัวผลิตภัณฑ์ต้องไม่
เกิดอันตรายกับผู้ใช้. ก ากับสินค้าและมีการน
าเข้าสินค้าอย่างถูกต้องไม่ปลอมแปลงหรือคัดลอกสินค้าจากผู้อื่น
6.10 ต้องท
าการระบุรายละเอียดสินค้าให้ชัดเจนพร้อมระบุด้วยว่าสินค้านี้พร้อมขายหรือไม่ต้องน
าเสนอ ตามคุณภาพและสรรพคุณตามสินค้าที่แท้จริงไม่มีการตกแต่งหรือรีวิวผลลัพธ์ของสินค้าเกินจริง
6.11 จะต้องมีระบบการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการถูกลักลอบน
าข้อมูลของลูกค้าไปใช้ซึ่ง ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
6.12 ต้องตรวจสอบและพัฒนาสินค้าอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความแน่ใจในตัวสินค้าก่อนส่งมอบ
6.13 ไม่หลอกลวงลูกค้าด้วยการส่งสินค้าที่ผิดแปลกไปจากที่ตกลงกันไว้และไม่ส่งสินค้าของปลอมแล้ว
หลอกลวงว่าเป็นของแท้ให้กับลูกค้า
7.จรรยาบรรณของนักคอมพิวเตอร์
เนื่องจากการท าธุรกรรมดิจิทัลเกี่ยวข้องกับนักคอมพิวเตอร์มากที่สุดจึงต้องมีจรรยาบรรณคอมพิวเตอร์หมายถึงหลักความประพฤติปฏิบัติอันเหมาะสมแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงปฏิบัติในการประกอบ
วิชาชีพต้านคอมพิวเตอร์ได้ประมวลขึ้นเป็นหลักเพื่อให้สมาชิกในสาขาต่าง ๆ
ของวิชาชีพคอมพิวเตอร์ยึดถือ ปฏิบัติโดยมุ่งเน้นถึงจริยธรรมปลูกฝังและเสริมสร้างให้สมาชิกมีจิตส
านึกบังเกิดขึ้นในตนเองเกี่ยวกับการ
ประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรและมุ่งหวังให้สมาชิกได้ยึดถือเพื่อรักษาชื่อเสียงและส่งเสริมเกียรติคุณของ
สมาชิกและสาขาวิชาชีพของตนสามารถจ าแนกหลักจรรยาบรรณได้ดังต่อไปนี้
7.1 จรรยาบรรณต่อตนเองหมายถึงการยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตปฏิบัติหน้าที่และด
ารงชีวิตเหมาะสม ตามหลักธรรมาภิบาลซึ่งมีหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้
7.1.1 ประกอบวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมีความยุติธรรมใฝ่หาความรู้ใหม่
ๆ อยู่ เสมอเป็นการพัฒนาตนและงานที่รับผิดชอบอันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้ตนเองและหน่วยงานที่สังกัด
7.1.2 ผู้ประกอบวิชาชีพคอมพิวเตอร์จะมีความวิริยะอุตสาหะในการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุ
ความส าเร็จของงานสูงสุด
7.2 จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมงานหมายถึงการตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้องมีเหตุผลและรู้รักสามัคคีซึ่งมี
7.3 จรรยาบรรณต่อวิชาชีพหมายถึงการไม่ประพฤติหรือกระท าการใด ๆ
7.4 จรรยาบรรณต่อสังคมหมายถึงการปฏิบัติหน้าที่ปฏิบัติตนในวิชาชีพนักคอมพิวเตอร์ที่ดีเป็นแบบอย่าง
ที่ดีของสังคม
7.5 จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการหมายถึงความเคารพในสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของผู้อื่นปฏิบัติ
หน้าที่ด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น